
ผมได้มีโอกาศมาทำงาน(และแอบเที่ยว)ที่ลำพูน บรรยากาศในตอนนี้เหงาจริงๆ
ฝนตกปรอยๆทั้งวันทั้งคืน น่าแอบมาหลบพักแบบเหงาๆนะครับ
กับงานที่ค่อนข้างยุ่งและเยอะพอสมควร แต่พอจะหาเวลาปาร์ตี้กันได้นิดหน่อยบางครั้งคราว
ผมตื่นเช้าขึ้นมาในวันอาทิตย์ ย้อนกลับไปนึกถึงคืนวันเสาร์แล้วรู้สึกเมาซ้ำขึ้นมาอีกรอบ
เริ่มต้นด้วยการประชุมเครียดและมีปากเสียงกันนิดหน่อย นั่นคงเป็นจุดเริ่มต้นของงานปาร์ตี้ที่แสนยาวนานในคืนนั้น
ผมจำแทบไม่ได้ด้วยซ้ำว่าคืนนั้นดื่มไปเยอะขนาดไหน แต่ก็ยังมีความสามารถประคองตัวเองกลับมายังห้องพักได้
..................
ผมตื่นมาพร้อมกับความมึนงง จำได้เพียงอย่างเดียวว่าเรายังมีงานค้างอยู่นิดหน่อย
ก็รีบสะสางมันหน่อยก็แล้วกัน
..................
งานจบ ฝนตกพอดี เยี่ยมมากเลย
วันนี้ผมตั้งใจจะใช้เวลาที่มีอยู่ครึ่งวันเดินเยี่ยมชมเมืองลำพูน เพียงลำพังซะหน่อย
คิดยังไม่ทันจบ ฝนหยุดพอดี เยี่ยมอีกแล้ว ฟ้าเป็นใจให้เราแล้ว
เดินออกมาจากโรงแรม ผมว่าทุกอนูของรูขุมขนมันคงจะเต็มไปด้วยแอลกอฮอล์แล้วตอนนี้
แม้ลมหายใจยังได้กลิ่น
ไม่เป็นไร ผมคิด ตั้งใจแล้ววันนี้ต้องไปเดินดูของ กะว่าจะซื้อของไปฝากเพื่อนๆซะหน่อย
ที่สำคัญคือโปสการ์ด อยากได้มากๆเป็นที่ระลึก
เราต้องเดินต่อไปผมคิด
ผมเห็นจุดหมายอยู่ไม่ไกล มันคือตลาดอะไรซักอย่าง ผมเห็นไม่ค่อยชัด
และแล้วผมก็เดินมาถึงระยะทางประมาณหนึ่งกิโลครึ่งท่าจะได้ ผมคิด
แต่ทว่าผมคงเข้าใจผิดเพราะว่าที่นี่มันคือตลาดสด มีแต่หมู หมึก กุ้ง ผัก เต็มไปหมด
ไม่เป็นไร ผมคิดในใจ เดินดูเรื่อยๆก็ได้ ผมเจอร้านขายหนังสือและอุปกรณ์คอมพิวเตอร์อยู่ร้านนึง
ท่าทางจะมีโปสการ์ดขายผมคิดในใจ แต่ก็ไม่มีจนได้
.......................
และแล้วผมก็รู้สึกเหนื่อยและหิวขึ้นมาเลยแวะซื้อน้ำกับขนมกินซะหน่อย
เซเว่นละกัน จัดไป
ผมเหลือบมองเห็นเก้าอี้ไม้หินอ่อนวางอยู่เยื้องกะเซเว่น นั่งพักกินน้ำก่อนละกัน
ตอนนี้เวลาประมาณห้าโมงเเย็นเห็นจะได้ ไม่เป็นไรเรายังมีเวลาอยู่
........................
และแล้วฟ้าก็ทำหน้าที่ของมัน กลั่นหยดน้ำลงมาหนักมากๆในขณะนั้น
ผมปลอบใจตัวเองว่าเดี๋ยวก็คงหยุด เราก็ได้เดินดูต่อ นั่งรอกันไป
บรรยากาศตอนนั้นค่อนข้างเหงาๆเลยเพราะดูเหมือนว่าจะมีผมนั่งอยู่เพียงลำพัง
นั่งไปคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย เรื่องงานบ้าง เรื่องส่วนตัวบ้าง
และที่สำคัญคือเรื่องที่จะเขียนบทความบทนี้
ผมพยายามนั่งคิดว่าตอนนี้เราได้อะไรบ้างกับการติดฝนอยู่ตรงนี้
อย่างน้อยผมก็มีเวลานั่งคิดอะไรเงียบๆคนเดียวถ้าไม่นับเสียงสายฝนที่บ่นพึมพำตลอดเวลา
เรื่องงานก็คือเรื่องงานมันคงต้องมีปัญหา ผมคิด
แต่ว่าผมจะแก้มันยังงัย นั่นคือปัญหาที่เพิ่มขึ้นมา ผมคิดอีก
.......................
นั่งฟังเสียงฝนตกอยู่ประมาณหนึ่งชั่วโมงแล้ว มันยังไม่มีท่าทางจะหยุดเลย
ผมคงต้องเปลี่ยนแผนแล้ว แต่ปัญหาคือผมไม่ได้เตรียมแผนสำรองมา
เลยต้องนั่งรอต่อไป นั่งฟังเสียงฝนต่อไป และดูเหมือนมันจะตกมากขึ้นเรื่อยๆ
สองชั่วโมงผ่านไป ฝนยังไม่หยุดแต่เบาลงบ้างแล้ว
ผมตัดสินใจเดินกลับโรงแรมดีกว่าวันนี้คงไม่ได้อะไรแล้ว ก็เลยรีบรุดหน้าเดินกลับโรงแรม
ก่อนที่ฝนชุดไหม่จะกลับมาอีกรอบ
วินาทีนี้ผมไม่อยากนอนหน้าเซเว่นเลย
ระยะทางมันไกลจังเลย ผมแอบบ่นในใจ
ฝนที่ตกปรอยๆเบาๆก็ทำเอาผมเปียกไปทั้งตัวเหมือนกัน
ตอนนี้ผมไม่ได้คิดจะทำมิวสิคเลยแต่บรรยากาศมันได้เลยจัดไปซะหน่อย เท่ๆกันไป
ผมเดินกลับมาถึงยังโรงแรมแบบเปียกปอนไปหมดทั้งตัว
ไม่ได้อะไรติดตัวมาซะอย่าง
แต่แปลกที่ความรู้สึกแย่ที่แอบมีอยู่ลึกๆในใจทั้งเรื่องงานและส่วนตัว มันหายไป
ผมว่าผมไม่ได้ไปพูดอะไรกับไคร ไม่ได้ยินไครพูดอะไรที่ทำให้ผมรู้สึกดี
มีเพียงแค่เสียงสายฝนที่ผมได้ยิน
การนั่งฟังสายฝน มันช่วยบรรเทาอาการไม่สบายใจของผมเหรอ
หรือเป็นการสนทนาระหว่างผมกับสายฝนที่ปรอยลงมา
หรือสายฝนมันตั้งใจจะมาปลอบใจผม
ตอนนี้ผมนั่งยิ้มกับตัวเอง..........................................