ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่โลกแห่งศิลปและดนตรี

'' ดนตรีถือเป็นภาษาที่ใช้สื่อสารกันได้ มันจะบอกถึงความรู้สึกที่ลึกๆเข้าไปข้างใน โดยที่เราไม่จำเป็นต้องเข้าใจ ''

วันอาทิตย์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2553

นั่งฟังเสียงฝน ณ ลำพูน

นั่งฟังเสียงฝน ณ ลำพูน


ผมได้มีโอกาศมาทำงาน(และแอบเที่ยว)ที่ลำพูน บรรยากาศในตอนนี้เหงาจริงๆ
ฝนตกปรอยๆทั้งวันทั้งคืน น่าแอบมาหลบพักแบบเหงาๆนะครับ
กับงานที่ค่อนข้างยุ่งและเยอะพอสมควร แต่พอจะหาเวลาปาร์ตี้กันได้นิดหน่อยบางครั้งคราว
ผมตื่นเช้าขึ้นมาในวันอาทิตย์ ย้อนกลับไปนึกถึงคืนวันเสาร์แล้วรู้สึกเมาซ้ำขึ้นมาอีกรอบ
เริ่มต้นด้วยการประชุมเครียดและมีปากเสียงกันนิดหน่อย นั่นคงเป็นจุดเริ่มต้นของงานปาร์ตี้ที่แสนยาวนานในคืนนั้น
ผมจำแทบไม่ได้ด้วยซ้ำว่าคืนนั้นดื่มไปเยอะขนาดไหน แต่ก็ยังมีความสามารถประคองตัวเองกลับมายังห้องพักได้
..................
ผมตื่นมาพร้อมกับความมึนงง จำได้เพียงอย่างเดียวว่าเรายังมีงานค้างอยู่นิดหน่อย
ก็รีบสะสางมันหน่อยก็แล้วกัน
..................
งานจบ ฝนตกพอดี เยี่ยมมากเลย
วันนี้ผมตั้งใจจะใช้เวลาที่มีอยู่ครึ่งวันเดินเยี่ยมชมเมืองลำพูน เพียงลำพังซะหน่อย
คิดยังไม่ทันจบ ฝนหยุดพอดี เยี่ยมอีกแล้ว ฟ้าเป็นใจให้เราแล้ว
เดินออกมาจากโรงแรม ผมว่าทุกอนูของรูขุมขนมันคงจะเต็มไปด้วยแอลกอฮอล์แล้วตอนนี้
แม้ลมหายใจยังได้กลิ่น
ไม่เป็นไร ผมคิด ตั้งใจแล้ววันนี้ต้องไปเดินดูของ กะว่าจะซื้อของไปฝากเพื่อนๆซะหน่อย
ที่สำคัญคือโปสการ์ด อยากได้มากๆเป็นที่ระลึก
เราต้องเดินต่อไปผมคิด
ผมเห็นจุดหมายอยู่ไม่ไกล มันคือตลาดอะไรซักอย่าง ผมเห็นไม่ค่อยชัด
และแล้วผมก็เดินมาถึงระยะทางประมาณหนึ่งกิโลครึ่งท่าจะได้ ผมคิด
แต่ทว่าผมคงเข้าใจผิดเพราะว่าที่นี่มันคือตลาดสด มีแต่หมู หมึก กุ้ง ผัก เต็มไปหมด
ไม่เป็นไร ผมคิดในใจ เดินดูเรื่อยๆก็ได้ ผมเจอร้านขายหนังสือและอุปกรณ์คอมพิวเตอร์อยู่ร้านนึง
ท่าทางจะมีโปสการ์ดขายผมคิดในใจ แต่ก็ไม่มีจนได้
.......................
และแล้วผมก็รู้สึกเหนื่อยและหิวขึ้นมาเลยแวะซื้อน้ำกับขนมกินซะหน่อย
เซเว่นละกัน จัดไป
ผมเหลือบมองเห็นเก้าอี้ไม้หินอ่อนวางอยู่เยื้องกะเซเว่น นั่งพักกินน้ำก่อนละกัน
ตอนนี้เวลาประมาณห้าโมงเเย็นเห็นจะได้ ไม่เป็นไรเรายังมีเวลาอยู่
........................
และแล้วฟ้าก็ทำหน้าที่ของมัน กลั่นหยดน้ำลงมาหนักมากๆในขณะนั้น
ผมปลอบใจตัวเองว่าเดี๋ยวก็คงหยุด เราก็ได้เดินดูต่อ นั่งรอกันไป
บรรยากาศตอนนั้นค่อนข้างเหงาๆเลยเพราะดูเหมือนว่าจะมีผมนั่งอยู่เพียงลำพัง
นั่งไปคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย เรื่องงานบ้าง เรื่องส่วนตัวบ้าง
และที่สำคัญคือเรื่องที่จะเขียนบทความบทนี้
ผมพยายามนั่งคิดว่าตอนนี้เราได้อะไรบ้างกับการติดฝนอยู่ตรงนี้
อย่างน้อยผมก็มีเวลานั่งคิดอะไรเงียบๆคนเดียวถ้าไม่นับเสียงสายฝนที่บ่นพึมพำตลอดเวลา
เรื่องงานก็คือเรื่องงานมันคงต้องมีปัญหา ผมคิด
แต่ว่าผมจะแก้มันยังงัย นั่นคือปัญหาที่เพิ่มขึ้นมา ผมคิดอีก
.......................
นั่งฟังเสียงฝนตกอยู่ประมาณหนึ่งชั่วโมงแล้ว มันยังไม่มีท่าทางจะหยุดเลย
ผมคงต้องเปลี่ยนแผนแล้ว แต่ปัญหาคือผมไม่ได้เตรียมแผนสำรองมา
เลยต้องนั่งรอต่อไป นั่งฟังเสียงฝนต่อไป และดูเหมือนมันจะตกมากขึ้นเรื่อยๆ
สองชั่วโมงผ่านไป ฝนยังไม่หยุดแต่เบาลงบ้างแล้ว
ผมตัดสินใจเดินกลับโรงแรมดีกว่าวันนี้คงไม่ได้อะไรแล้ว ก็เลยรีบรุดหน้าเดินกลับโรงแรม
ก่อนที่ฝนชุดไหม่จะกลับมาอีกรอบ
วินาทีนี้ผมไม่อยากนอนหน้าเซเว่นเลย
ระยะทางมันไกลจังเลย ผมแอบบ่นในใจ
ฝนที่ตกปรอยๆเบาๆก็ทำเอาผมเปียกไปทั้งตัวเหมือนกัน
ตอนนี้ผมไม่ได้คิดจะทำมิวสิคเลยแต่บรรยากาศมันได้เลยจัดไปซะหน่อย เท่ๆกันไป
ผมเดินกลับมาถึงยังโรงแรมแบบเปียกปอนไปหมดทั้งตัว
ไม่ได้อะไรติดตัวมาซะอย่าง
แต่แปลกที่ความรู้สึกแย่ที่แอบมีอยู่ลึกๆในใจทั้งเรื่องงานและส่วนตัว มันหายไป
ผมว่าผมไม่ได้ไปพูดอะไรกับไคร ไม่ได้ยินไครพูดอะไรที่ทำให้ผมรู้สึกดี
มีเพียงแค่เสียงสายฝนที่ผมได้ยิน
การนั่งฟังสายฝน มันช่วยบรรเทาอาการไม่สบายใจของผมเหรอ
หรือเป็นการสนทนาระหว่างผมกับสายฝนที่ปรอยลงมา
หรือสายฝนมันตั้งใจจะมาปลอบใจผม
ตอนนี้ผมนั่งยิ้มกับตัวเอง..........................................

วันจันทร์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2553

พักหลบฝนกับ Greasy Cafe

ช่วงนี้เป็นช่วงที่ฝนตกชุกมากเลยครับ ตกแทบทุกวัน
และตกเป็นเวลาด้วยนะครับ คือช่วงเช้า (ตอนไปทำงาน)
และช่วงบ่าย (ตอนกลับจากที่ทำงาน)
ก็เป็นอันว่าเปียกกันถ้วนหน้าครับ
เมื่อฝนตก สิ่งที่ตามมาก็คือรถติด สังเกตุว่าเราจะใช้เวลากันในรถเยอะมาก
ผมเลยลองนั่งคิดเล่นๆว่า กับสภาพบรรยากาศแบบนี้
(คือมืดๆ มัวๆ ฝนปรอยๆ หนาวๆ เศร้าๆ)
ถ้าเป็นผมจะเลือกฟังเพลงอะไร คำตอบแรกที่แล่นมาเข้าหัวผม คือ Greasy Cafe..

สุขุม นุ่มลึก เศร้า ดาร์ก หม่น เท่ห์ น่าค้นหา ฯลฯ นี่คือคำนิยามของ Greasy Cafe
หรือก็คือ เล็ก - อภิชัย ตระกูลเผด็จไกร ช่างภาพนิ่งอิสระ
ซึ่งตอนนี้ทำเพลงในสังกัด Smallroom ครับ



ซึ่งก็มีอัลบั้มออกมา 2 ชุด คือ สิ่งเหล่านี้ และล่าสุด กับ ทิศทาง
ในแนวทางของดนตรีก็เป็น Rock นะครับ โดยจะเป็นแบบ Brite Rock
ซึ่งเพลงโดยรวมถือว่าออกมาดูดีมากครับ
ฟังได้ทุกเพลง ผมตัดสินใจซื้อชุดแรกจากการฟัง Fat Radio ผมว่าเสียงร้องของ
พี่เล็ก เท่ห์มาก กับดนตรีที่พี่แกเล่นเองหมดเกือบทุกชิ้น
ก็ถือว่าเป็นตัวตนของตัวเองมากครับ
และได้คุณรัฐ จาก Tattoo Colour มาช่วยด้วยก็ถือว่าออกมาลงตัวครับ
และเมื่อมีชุดสองออกมาผมแทบไม่ต้องรอฟังเพลงเลยด้วยซ้ำ
ก็ตัดสินใจได้โดยไม่ยาก

ผมคิดว่าสิ่งที่เด่นมากในเพลงของ Greasy Cafe คือความหม่นของเพลง
บวกกับเสียงร้องที่เป็นเอกลักษณ์มากๆ
ของพี่เล็กแล้ว มันเศร้าจริงๆ ในอัลบั้ม '' สิ่งเหล่านี้ ''
ถ้าคุณได้ฟังเพลง ภาพชินตา ผมว่าคุณอาจจะร้องไห้ได้เลย
ในยามบรรยากาศแบบนี้ สำหรับผมชอบมากๆทุกเพลงครับ

ส่วนในอัลบั้ม ทิศทาง โดยรวมมีความเป็น Modern Rock มากขึ้นอย่างชัดเจนครับ
หนักหน่วงกว่าชุดแรกพอควร
เป็นการร่วมงานกันอีกครั้งกับคุณรัฐ แห่ง Tattoo Colour
ชุดนี้ก็หม่นหมองพอๆกันครับ โดยภาพลักษณ์ที่เป็นคนมาดนิ่ง เงียบ เซอร์
เพลงที่ออกมาก็ไม่ต่างกับภาพลักษณ์ครับ ส่วนตัวผมชอบเพลง สูญ ครับ เพลงเท่ห์ๆ ครับ
โดยภาพรวมก็ฟังได้ทุกเพลงครับ มีความน่าสนใจอยู่ทุกเพลงครับ ทั้งเนื้อหา และดนตรี



เหตุผลที่ผมเลือก Greasy Cafe มาฟังในช่วงบรรยากาศเหงาๆแบบนี้
ก็เป็นเพราะเพลงของพี่เล็กเหมาะกับบรรยากาศแบบนี้มากครับ
เหงาๆ เศร้า ใช้ชีวิตในการค้นหา และศึกษาตัวเองซะบ้าง
ผมว่าคนเราน้อยมากนะครับที่เราจะได้มาใส่ใจในความรู้สึกของตัวเองจริงๆ
ได้เวลาแล้วครับ ที่เราจะมานั่งคุยและถามตัวเองไปกับบทเพลงของ Greasy Cafe ครับ

มีความสุขกับการฟังเพลงนะครับ ช่วยกันสนับสนุน ศิลปินกันด้วยนะครับ ผมอยากให้มีเพลงดีๆฟังกันต่อไปครับผม

วันจันทร์ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2553

หายไป หายใจ

หายไป หายใจ


วันนี้อากาศดีเหมือนทุกวัน แต่เหมือนมีบางอย่างหายไป
นาฬิกาคงไกล้หมดถ่าน ช้าเหลือเกิน เวลา
มองออกไปข้างหน้า เหมือนกล้องที่ไร้ซึ่งจุดโฟกัส
ชีวิตผมเหมือนกำลังเคว้ง.........คว้างอยู่กลางสายลม
จะพัดพา ผมไปทางไหนก็เชิญ...................

หายไป ความหวัง แรงบันดาลใจ หายไป
สินไร้อย่างนี้เชียวหรือ เมื่อคุณหายไป
หายไป หายใจ อยากหายไป
สิ้นไร้แล้วหรือเพียงมีลมหายใจ เหมือนหายไป
เรี่ยวแรง สิ้นไร้ เหลือเพียงแค่หายใจ

สายลมยังคงแผ่วเบา เปรียบเสียงหายใจ ยามเมื่อคุณหายไป
เรี่ยวแรงเปรียบดังแสงแดด ไกล้ดับยามนิทรา เวลาหายไป
สะท้อนมองตัวเอง ในยามหายใจ ไกล้หายไป
เธออยู่ไหนหนอ ในยามเวลาที่ฉันหายใจ หรือเธอหายไป
ความเศร้าเข้ายึดครองชีวิต ยามฉันหายใจ เมื่อเธอหายไป

สุดท้ายยามสี้นนิทรา เวลาของการหายไป ฉันคงยังหายใจ
เดินต่อไป ด้วยลมหายใจ ของการหายไป
ขอเพียงบอกซักนิดเถิด เหตุผลของการหายไป
ฉันจักพร่ำบอกเหตุผลของฉัน ที่คงยังหายใจ ตอนที่เธอหายไป............
วันเวลาจะพร่ำบอกฉันเสมอ ถึงเธอ หากฉันยังคงหายใจ